เลือดออกทางช่องคลอดและตกขาว
เลือดออกกะปริดกะปรอยระหว่างตั้งครรภ์ จะมีอาการคล้ายกับการมีรอบเดือนที่มีเลือดออกน้อยมาก มักพบในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ ซึ่งเกิดจากไข่ที่ได้รับการผสมแล้ว ฝังตัวเข้ากับผนังมดลูก
ถ้ามีอาการอื่นๆร่วมด้วยจะน่าเป็นห่วง เพราะอาจเป็นสัญญาณของการแท้งบุตรหรือการตั้งครรภ์นอกมดลูก เพราะฉะนั้นควรปรึกษากับสูติแพทย์ทุกครั้งที่สังเกตเห็นเลือดออกระหว่างตั้งครรภ์ รวมทั้งถ้าพบว่ามีเลือดออกกะปริดกะปรอยในช่วงสามเดือนก่อนคลอดเพราะอาจทำให้คลอดก่อนกำหนด
สาเหตุของอาการเลือดออกในช่วงตั้งครรภ์
เลือดออกพบได้บ่อยในระยะแรกของการตั้งครรภ์ อาจเป็นในช่วงต่างๆ ดังนี้
- ไข่ที่ผสมแล้วฝังตัวกับผนังมดลูก
- รกจะฝังตัวในเยื่อบุมดลูก
- ปากมดลูกอ่อนนุ่ม
- การแปรปรวนของรอบเดือนอาจเกิดขึ้นได้บ้าง ทำให้บางท่านอาจมีเลือดออกในช่วงที่ครบกำหนดการมีรอบเดือนตามปกติได้
- ติดเชื้อในช่องคลอดหรือปากมดลูก หรือ มีติ่งเนื้อ (polyp)
- อาจเกิดขึ้นหลังการมีเพศสัมพันธ์ได้ด้วยเช่นกัน
ทางที่ดีที่สุด คุณควรปรึกษาสูติแพทย์หากมีเลือดออกเกิดขึ้นในช่วงตั้งครรภ์เสมอ
อาการตกขาวในช่วงตั้งครรภ์
ตกขาวที่เพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์...ทำอย่างไร? ไม่ต้องวิตกกังวล เพราะนี่คืออาการทั่วไปในหญิงมีครรภ์ทุกคน ตกขาวที่มากขึ้นเกิดจากเลือดที่ไหลมาหล่อเลี้ยงบริเวณช่องคลอดมีปริมาณเพิ่มขึ้น โดยจะมีลักษณะขาว ใสและไม่มีอาการคัน แต่จะมีลักษณะข้นขึ้นเมื่อใกล้ครบกำหนดคลอด
บางครั้งตกขาวอาจเป็นเพราะติดเชื้อหรือโรคเชื้อราในช่องคลอด (thrush) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีอาการคันหรือมีอาการแสบร้อนร่วมด้วยตกขาวจะค่อนข้างขุ่นข้น มีสีเขียวหรือเหลือง และอาจมีกลิ่นเหม็น หากคุณแม่สังเกตเห็นอาการเหล่านี้ ควรพบสูติแพทย์เพื่อรักษา
การจัดการกับตกขาวที่มีลักษณะข้นขึ้น
- ให้ใช้แผ่นอนามัยเพื่อรองซับเอาไว้ (ดีกว่าใช้ผ้าอนามัยแบบสอด)
- ชำระล้างบริเวณดังกล่าวด้วยน้ำอุ่นเป็นประจำ และไม่ใช้สบู่ที่มีส่วนผสมของน้ำหอมซึ่งจะทำให้การติดเชื้อรุนแรงขึ้นได้
- สวมกางเกงชั้นในผ้าฝ้ายเนื้อบางเบา
โดยปกติแล้ว ตกขาวมักจะสร้างความรู้สึกรำคาญมากกว่าความรู้สึกวิตกกังวล หากคุณมีอาการตกขาว พยายามนึกไว้เสมอว่าแล้วอาการนี้ก็จะหายไปทันที่ที่คลอดลูกน้อย