นมแม่ดีที่สุด

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้คุณเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพราะเราเชื่อว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทารก ทั้งยังให้ประโยชน์กับทารกในหลายด้าน การเตรียมตัวช่วงก่อนและระหว่างการให้นมทารกนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง คุณควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในสัดส่วนที่สมดุล

เมื่อคุณตัดสินใจที่จะไม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ หรือเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ร่วมกับการใช้นมสูตรสำหรับทารก อาจลดประสิทธิภาพในการสร้างน้ำนมของคุณเองและทำให้การกลับมาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อีกครั้งทำได้ยากขึ้น ดังนั้นก่อนเริ่มใช้นมสูตรสำหรับทารก คุณควรคำนึงถึงผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสังคมร่วมด้วย หากจำเป็นต้องใช้นมสูตรสำหรับทารก คุณควรปฏิบัติตามข้อแนะนำในการเตรียม การใช้ และการเก็บรักษา อย่างระมัดระวังเพื่อสุขภาพที่ดีของทารก

เพื่อช่วยในการตัดสินใจที่ดีที่สุดเกี่ยวกับวิธีให้อาหารทารก แนะนำปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพทุกครั้ง

10 วิธีช่วยให้ลูกน้อยขับถ่ายง่าย เมื่อท้องผูก

เลือกอ่านตามหัวข้อที่ต้องการ

อาการและสัญญาณที่ควรสังเกตเกี่ยวกับอาการที่ลูกท้องผูก

สาเหตุที่ทำให้ลูกท้องผูกในแต่ละวัย

ลูกท้องผูก 2 ขวบ ควรดูแลอย่างไรให้ถ่ายได้เป็นปกติ

ลูกท้องผูก 3 ขวบ ไม่ถ่ายหลายวัน อันตรายไหม?

ลูกไม่ถ่าย 7 วัน 3 ขวบ ควรพาไปพบแพทย์เมื่อไหร่

ลูก 1 ขวบ ท้องผูกทำยังไงดี? วิธีช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย

อาหารที่ช่วยให้ลูกขับถ่ายดีขึ้น ป้องกันอาการท้องผูก

พฤติกรรมที่ควรปรับเมื่อลูกถ่ายยาก

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์

สรุป

 

อาการท้องผูกในเด็กเล็กเป็นปัญหาที่พ่อแม่หลายคนกังวล โดยเฉพาะเมื่อ ลูกท้องผูก 2 ขวบ หรือ ลูกท้องผูก 3 ขวบ และกรณีที่รุนแรง เช่น ลูกไม่ถ่าย 7 วัน 3 ขวบ ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาที่ยาวนานและอาจเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ปัญหาท้องผูกยังพบได้ในเด็กที่อายุน้อยกว่า เช่น ลูก 1 ขวบ ท้องผูกทํายังไงดี หรือ ลูก 7 เดือน ถ่ายเป็นก้อน ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าระบบขับถ่ายของลูกทำงานผิดปกติ

พ่อแม่ควรสังเกตอาการ เช่น ลูกอึแข็ง หรือ ลูกอุจจาระเหนียว และควรใช้วิธีแก้ไขที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้ลูกขับถ่ายสะดวกขึ้น บทความนี้จะพาคุณพ่อคุณแม่ไปดู 10 วิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยดูแลลูกที่มีอาการท้องผูก ให้สามารถขับถ่ายได้อย่างสะดวกสบายและเป็นธรรมชาติมากขึ้น

 

อาการและสัญญาณที่ควรสังเกตเกี่ยวกับการที่ลูกท้องผูก

  • ความถี่ในการขับถ่ายลดลง หากเด็กมีการขับถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือมีการเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้ 
  • อุจจาระแข็งและขับถ่ายลำบาก ทำให้เด็กต้องเบ่งมากขึ้น และอาจมีเลือดปนเมื่อขับถ่าย  
  • อาการไม่สบายท้อง อึดอัด หรือร้องไห้งอแงเมื่อถึงเวลาขับถ่าย 

 

 

สาเหตุที่ทำให้ลูกท้องผูกในแต่ละวัย

  • ทารก (0-12 เดือน) การเริ่มให้อาหารเสริมเร็วเกินไป หรือการเปลี่ยนจากนมแม่เป็นนมผงอาจทำให้ระบบทางเดินอาหารของทารกปรับตัวไม่ทัน 
  • เด็กวัยหัดเดิน (1-3 ปี) การรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย ดื่มน้ำน้อย หรือการฝึกขับถ่ายในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมอาจส่งผลต่อการขับถ่ายของเด็ก 
  • เด็กโต (3 ปีขึ้นไป) การกลั้นอุจจาระเนื่องจากปัจจัยทางจิตใจ เช่น กลัวห้องน้ำที่โรงเรียน หรือการเล่นเพลินจนลืมขับถ่าย อาจเป็นสาเหตุของการท้องผูก

 

ลูกท้องผูก 2 ขวบ ควรดูแลอย่างไรให้ถ่ายได้เป็นปกติ

แนะนำการดูแลแบบง่าย 10 วิธีสำหรับดูแลลูกท้องผูก 2 ขวบ ดังนี้

  1. ปรับอาหาร โดยการเพิ่มผัก ผลไม้ ธัญพืช และอาหารที่มีกากใยสูงในมื้ออาหารของลูก 
  2. ให้ดื่มน้ำเพียงพอ ดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว เพื่อช่วยให้อุจจาระอ่อนตัวและขับถ่ายง่ายขึ้น 
  3. ฝึกขับถ่ายเป็นเวลา สร้างนิสัยให้ลูกขับถ่ายหลังรับประทานอาหาร โดยอาจใช้วิธีให้รางวัลเมื่อทำได้ตามที่กำหนด  
  4. ส่งเสริมการออกกำลังกาย ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบทางเดินอาหาร 
  5. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ท้องผูก ลดการให้ขนมหวาน อาหารทอด ชีส และเนื้อสัตว์มากเกินไป  
  6. สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการขับถ่าย ทำให้ห้องน้ำเป็นที่ที่ลูกสบายใจ และไม่ควรบังคับหรือทำโทษเมื่อเกิดปัญหา
  7. ใช้วิธีนวดท้องเบา ๆ ตามเข็มนาฬิกาสามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้
  8. ให้ลูกนั่งบนโถส้วมอย่างถูกต้อง ใช้ที่นั่งสำหรับเด็กและวางเท้าลงบนที่วางเท้าเพื่อให้การขับถ่ายเป็นธรรมชาติ 
  9. สังเกตอาการ หากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติม
  10. อธิบายและพูดคุยกับลูกเกี่ยวกับการขับถ่าย เพื่อให้เขาเข้าใจและร่วมมือในการแก้ไขปัญหา

 

 

ลูกท้องผูก 3 ขวบ ไม่ถ่ายหลายวัน อันตรายไหม?

หากเด็กอายุ 3 ขวบไม่ถ่ายหลายวันหรือถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ มีอาการปวดท้อง มีไข้ หรือมีเลือดปนในอุจจาระ ควรพาไปพบแพทย์ทันที เนื่องจากอาจมีปัญหาทางการแพทย์ที่ต้องการการรักษาเฉพาะทาง

 

 

ลูกไม่ถ่าย 7 วัน 3 ขวบ ควรพาไปพบแพทย์เมื่อไหร่

หากลูกไม่ถ่ายหลายวันติดต่อกัน (มากกว่า 7 วัน) ควรพาไปพบแพทย์เพื่อประเมินสาเหตุและรับการรักษา เนื่องจากอาจมีปัญหาที่ต้องการการดูแลเฉพาะ

 

 

ลูก 1 ขวบ ท้องผูกทำยังไงดี? วิธีช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย

  • เริ่มต้นจากการปรับอาหาร เพิ่มผัก ผลไม้ และอาหารที่มีกากใยสูงในมื้ออาหารของลูก 
  • จากนั้นให้ดื่มน้ำเพียงพอ วันละ 6-8 แก้ว 
  • นวดท้องเบา ๆ ตามเข็มนาฬิกา ช่วยกระตุ้นการขับถ่ายของลูกน้อยได้ดีขึ้นเช่นกัน โดยนวดเบา ๆ ที่ท้องของลูกประมาณ 5-10 นาทีเพื่อกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ให้ทำงานได้ดีขึ้น 
  • ให้ลูกได้เคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมที่กระตุ้นการทำงานของลำไส้ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดอาการท้องผูกได้ เช่น การเดินหรือการวิ่งเล่นที่ทำให้ลูกขยับตัวมากขึ้น

 

 

อาหารที่ช่วยให้ลูกขับถ่ายดีขึ้น ป้องกันอาการท้องผูก

การเลือกอาหารที่มีกากใยสูงและช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและลดอาการท้องผูกของลูกน้อย อาหารที่ช่วยได้แก่ ผักใบเขียว เช่น ผักโขม คะน้า บรอกโคลี ซึ่งมีไฟเบอร์สูงและช่วยในการขับถ่าย, ผลไม้สด เช่น แอปเปิ้ล กล้วย สตรอว์เบอร์รี่ องุ่น หรือส้ม, ธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต หรือขนมปังโฮลวีต ซึ่งมีไฟเบอร์ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย และการดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ควรให้ลูกดื่มน้ำอย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวันเพื่อช่วยให้อุจจาระอ่อนตัวและขับถ่ายได้ดีขึ้น

 

พฤติกรรมที่ควรปรับเมื่อลูกถ่ายยาก

อย่ากดดันหรือทำให้ลูกเครียด พยายามทำให้การขับถ่ายเป็นเรื่องธรรมชาติและไม่ควรบังคับลูกให้นั่งบนโถส้วมเป็นเวลานาน ๆ พร้อมทั้งสร้างนิสัยการขับถ่ายเป็นประจำ ควรให้ลูกมีเวลาขับถ่ายที่แน่นอนในแต่ละวัน โดยเฉพาะหลังมื้ออาหาร และไม่ควรปล่อยให้ลูกกลั้นอุจจาระ ให้เขาไปที่ห้องน้ำโดยเร็วที่สุดเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาท้องผูก 

 

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์

การพบแพทย์ควรทำในกรณีเมื่อท้องผูกเรื้อรัง ลูกไม่สามารถขับถ่ายได้เป็นปกติ หรือไม่ถ่ายเป็นเวลานาน (มากกว่า 2-3 วัน) แม้จะได้พยายามรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ แล้ว หรือมีอาการเจ็บปวดร้องไห้เมื่อพยายามขับถ่าย มีเลือดปนในอุจจาระหรือมีสีเปลี่ยนไป ทั้งอาการอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นร่วมด้วย เช่น ไข้ ซึม หรือท้องผูกพร้อมกับน้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว หากพบอาการเหล่านี้ ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม

 

การดูแลเรื่องระบบขับถ่ายของเด็กเป็นเรื่องสำคัญ พ่อแม่ควรให้ลูกได้รับอาหารที่มีกากใยสูง ดื่มน้ำให้เพียงพอ และสร้างนิสัยการขับถ่ายที่เหมาะสม หากพบว่า ลูกถ่ายแข็งเป็นก้อน, ลูกอึแข็ง ก็ควรใช้วิธีการดูแลที่แนะนำข้างต้นเพื่อช่วยให้ลูกกลับมาขับถ่ายปกติ หากอาการยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับคำแนะนำที่เหมาะสมต่อไป

carelinepic_resized2

ไฮ-แฟมิลี่ แคร์ไลน์

บริการให้คำปรึกษาในทุกๆเรื่องที่คุณแม่กังวลใจ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล นักโภชนาการและคุณแม่ ที่พร้อมอยู่เคียงข้าง ตลอด 24 ชั่วโมง

x